2023-12-12 10:51:59
จำนวนครั้งที่อ่าน : 40
กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis) เป็นก้อนเนื้อชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อขนาดเล็กคล้ายหูดนูนขึ้นมาจากผิวหนัง มักพบตามใบหน้า หน้าอก ไหล่ และหลัง ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและไม่จำเป็นต้องรักษา ยกเว้นในรายที่กังวลเรื่องความสวยงาม ซึ่งพบได้บ่อยในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ
ข้อควรรู้กระเนื้อ
กระเนื้อผู้สูงวัย
ลักษณะหรืออาการของกระเนื้อสังเกตได้จาก
-เป็นก้อนเนื้อรูปร่างทรงกลมหรือวงรีคล้ายแปะติดอยู่กับผิวหนัง
-ขนาดของกระเนื้อส่วนมากมีขนาดเล็กไปจนถึงประมาณ 1 นิ้ว (2.5 เซนติเมตร)
-มีหลายสี พบได้ตั้งแต่น้ำตาลอ่อนหรือเข้มไปจนถึงสีดำ
-พื้นผิวของกระอาจมีลักษณะเรียบมันหรือขรุขระ ค่อนข้างแบนหรือนูนขึ้นมาเล็กน้อย
-พบได้บ่อยตามใบหน้า หนังศีรษะ หน้าอก ไหล่ ท้อง และหลัง -มักเกิดเป็นกระจุกมากกว่าจุดเดียว แต่จะไม่พบตามฝ่ามือหรือฝ่าเท้า
- อาจมีอาการคันหรือเกิดการระคายเคือง แต่ไม่มีอาการเจ็บ
กระเนื้อส่วนใหญ่ไม่ค่อยก่อปัญหาใด ๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับขนาดและบริเวณที่เกิด ทั้งนี้ ไม่ควรถู ขูด หรือดึงผิวหนังบริเวณที่เกิดกระเนื้อ เพราะอาจทำให้เลือดออก บวม หรือติดเชื้อตามมา แต่พบได้น้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อสังเกตเห็นว่ากระเนื้อขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น เกิดการระคายเคืองหรือเลือดออกเมื่อเสียดสีโดนกับเสื้อผ้า หรือผิวหนังบริเวณนั้นเกิดความผิดปกติตามมา เช่น รูปร่างของรอยโรคผิดแปลกไปจากเดิม ก้อนเนื้อที่คาดว่าเป็นกระเนื้อเกิดบาดแผล มีขนาดใหญ่ขึ้น ขอบก้อนเนื้อไม่เรียบ หรือเลือดออกจากก้อนเนื้อ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งผิวหนัง จึงควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ
กระเนื้อบริเวณลำคอ
สาเหตุของกระเนื้อ
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของกระเนื้อ แต่เชื่อว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการเกิดมีดังนี้
1 อายุ อายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดกระเนื้อได้มากตามวัย โดยพบบ่อยในผู้สูงอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปได้ถึง 90% และมักเกิดกับผู้ใหญ่วัยกลางคนอายุระหว่าง 30-40 ปีเช่นกัน ซึ่งอัตราการเกิดในเพศชายและหญิงเท่ากัน และไม่ค่อยพบในคนอายุน้อยกว่า 20 ปี
2 พันธุกรรม บุคคลที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นกระเนื้อมักมีเกิดกระเนื้อสูงกว่าคนทั่วไปจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
3 แสงแดด ผู้ที่ตากแดดเป็นเวลานานหรือชอบอยู่กลางแจ้งมีโอกาสเกิดกระเนื้อมากขึ้น
4 สาเหตุอื่น ๆ เช่น เป็นโรคผิวหนัง การติดเชื้อไวรัส การกลายพันธุ์ของยีน ฮอร์โมน เช่น กระเนื้อที่ขึ้นตอนตั้งครรภ์ เป็นต้น
การรักษากระเนื้อ
กระเนื้อไม่จำเป็นต้องรักษา เพราะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ ยกเว้นผู้ป่วยต้องการกำจัดกระเนื้อออกด้วยเหตุผลด้านความสวยงาม หรือผิวหนังบริเวณนั้นส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิต เช่น เกิดการระคายเคืองหรือเลือดออกเมื่อเสียดสีกับเสื้อผ้า
ในกรณีที่แพทย์ไม่ต้องการส่งชิ้นเนื้อตรวจทางพยาธิวิทยาและต้องการกำจัดกระเนื้อออก การรักษาสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งอาจใช้วิธีเดียวหรือหลายวิธีร่วมกัน
1 การผ่าตัดด้วยความเย็นจัดหรือการจี้เย็น (Cryosurgery) เป็นวิธีรักษาที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ไนโตรเจนเหลวแช่แข็งทำลายเนื้อเยื่อที่ผิดปกติออก แต่อาจส่งผลให้เกิดรอยด่างบริเวณที่เกิดกระเนื้อ และไม่ค่อยได้ผลดีกับกระเนื้อที่มีลักษณะนูน
การขูดเอาเนื้อเยื่อที่เป็นกระเนื้อออกโดยใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เรียกว่า Curettage เพื่อให้ผิวหนังบริเวณนั้นบางหรือเรียบลง โดยอาจใช้ควบคู่กับวิธีการผ่าตัดด้วยความเย็นจัด หรือ
2 การจี้ด้วยไฟฟ้า
การจี้ไฟฟ้า (Electrocautery) แพทย์จะทายาชาเฉพาะที่ก่อนใช้เครื่องจี้ไฟฟ้ากับผิวหนังบริเวณที่เกิดกระเนื้อ แพทย์อาจใช้วิธีนี้เพียงวิธีเดียวหรือทำควบคู่กับการขูดเอาเนื้อเยื่อออก หากทำไม่ถูกวิธีหรือแพทย์ที่ไม่ชำนาญอาจก่อให้เกิดรอยแผลเป็นตามมา และค่อนข้างใช้เวลานานกว่าวิธีการรักษาอื่น
3 การรักษาด้วยเลเซอร์ (Ablative Laser Surgery) ซึ่งมีเลเซอร์อยู่หลายชนิดที่ช่วยให้กระเลือนลงได้
4 การจี้ด้วยสารเคมี (Focal Chemical Peel) เช่น กรดไตรคลอโรอะซิติก (Trichloroacetic Acid)
แต่หากต้องการส่งตรวจตัวอย่างจากกระเนื้อ แพทย์จะทำการตัดก้อนกระเนื้อออกด้วยมีดผ่าตัดหรือมีดโกนผ่าตัด โดยการรักษากระเนื้อจะเน้นการปรับสีผิวที่เข้มกว่าผิวปกติหรือกำจัดเม็ดสีผิวให้น้อยลง ส่วนใหญ่แพทย์สามารถกำจัดกระเนื้อออกได้ภายในครั้งเดียว ซึ่งทุกวิธีล้วนมีข้อดีและข้อเสีย ก่อนการรักษาจึงควรปรึกษาแพทย์ถึงผลที่ตามมา อย่างไรก็ตาม หลังการรักษาก็อาจมีโอกาสเกิดกระเนื้อขึ้นในส่วนอื่นของร่างกาย แต่มักไม่ค่อยกลับมาเป็นซ้ำในจุดเดิม
การป้องกันกระเนื้อ
ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดกระเนื้ออย่างแน่ชัด จึงป้องกันได้ยาก เพราะบางสาเหตุมีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้ นอกจากนั้นก็อาจลดความเสี่ยงได้โดยหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด เช่น สวมเสื้อผ้าที่มิดชิดอย่างขายาว แขนยาว หรือหมวก หลีกเลี่ยงการตากแดดในช่วงเวลาประมาณ 10 โมงเช้าถึง 3 โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่แดดแรง และทาครีมกันแดด ที่มี SPF 50 เป็นอย่างน้อย เพื่อปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเกร็ดความรู้เรื่อง กระเนื้อ จาก ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จ.อุบลราชธานี หวังว่าจะได้รับประโยชน์กันบ้างนะคะ วันนี้ลากันไปก่อน พบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่ะ 🙏🙏🙏
ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จังหวัดอุบลราชธานี รักษาสิว ทุกชนิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ทรีทเม้นท์ ไอพีแอล เลเซอร์ คิดถึงเรา โทร 061-550-9396 LINE ID: @629inyrd
Share to Social Networks
บริการเว็บไซต์โดย 8columns.com