2023-12-25 10:49:30
จำนวนครั้งที่อ่าน : 51
โรคผิวหนังอักเสบเซบเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) คือ โรคผิวหนังอักเสบ ที่มักมีอาการรังแค คันตามหนังศีรษะ ร่องจมูก และตกสะเก็ดเห็นเป็นขุยๆ พบประมาณ 3-5% ของประชากร
Seborrheic dermatitis
ในปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคเซบเดิร์มได้อย่างแน่ชัด แต่สันนิษฐานได้ว่าอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยประกอบกัน ได้แก่
-พันธุกรรม
-ความเครียด
-เชื้อราที่อาศัยอยู่บนผิวหนัง
-สภาพอากาศที่เย็นและแห้ง
-ภาวะแทรกซ้อนจากโรคบางชนิด หรือการใช้ยาบางชนิด
-นอกจากนี้ยังมีโรค หรือปัจจัยเสี่ยงบางอย่าง ที่มีผลต่อการเกิดโรคเซบเดิร์มมากขึ้น ได้แก่ โรคพาร์กินสัน และภาวะซึมเศร้า /ผู้ที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่อ่อนแอ เช่น ผู้ที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยมะเร็ง เป็นต้น
โรคตับอ่อนอักเสบ/ พิษสุราเรื้อรัง หรือการติดสุรา/โรคเบาหวาน
-การเกา ครูดข่วน หรือการได้รับบาดเจ็บของผิวหน้า
-อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการเกิดโรคเซบเดิมไม่ได้มาจากการไม่รักษาความสะอาด หรือภาวะภูมิแพ้แต่อย่างใด
Seborrheic dermatitis
Seborrheic dermatitis
อาการของโรคเซบเดิร์มในเด็กเล็ก
ในทารกอายุต่ำกว่า 3 เดือน มักจะมาพบแพทย์ ด้วยอาการเกล็ดสีเหลืองหรือน้ำตาลบนหนังศีรษะ มีผื่นแดงเป็นขุยที่ใบหน้า โรคนี้มักจะหายไปก่อนอายุครบ 1 ปี แต่อาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีกครั้งในช่วงวัยรุ่น ทั้งนี้โรคเซบเดิมในเด็กอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผื่นผ้าอ้อม หรือผื่นแพ้ต่างๆ
Seborrheic dermatitis
สามารถแบ่งอาการของโรคเซบเดิร์ม ตามอวัยวะต่างๆ ได้ดังนี้
-หนังศีรษะ มักมาด้วยอาการคัน มีผื่นแดงได้บ้าง มีสะเก็ดเป็นรังแคหนา หรือสะเก็ดสีเหลืองๆ ซึ่งผื่นแดงมีสะเก็ดพบได้บ่อยบริเวณไรผม แต่มักจะไม่ลามเกินไปกว่าไรผม ต่างจากโรคสะเก็ดเงินที่ผื่นแดงหนารวมถึงสะเก็ด สามารถลามเกินไรผมออกมาที่บริเวณหน้าผากและหนังศีรษะส่วนอื่นได้
-ใบหู บริเวณหลังใบหู มักพบเป็น ผื่นแดง คัน ภายในรูหูด้านนอก และด้านหลังใบหู ผื่นแดงมักมีลักษณะเป็นสะเก็ดมันๆสีเหลือง
-ใบหน้าและลำตัว มักพบในบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่หนาแน่น คือ หัวคิ้ว ระหว่างคิ้วทั้ง 2 ข้าง ซอกจมูก อก ไหล่ ลำตัวส่วนบน ซึ่งจะพบเป็นลักษณะผื่นแดง ขอบชัด มีสะเก็ดเป็นมันๆสีออกเหลือง
-บริเวณอื่นๆ บริเวณอื่นที่สามารถพบได้ แต่ไม่บ่อยนัก เช่น สะดือ รักแร้ และขาหนีบ เป็นต้น
ทั้งนี้อาการของโรคมักจะพบเป็นๆหายๆ ขึ้นกับปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว
Seborrheic dermatitis
การรักษาโรคเซบเดิร์ม ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่หายขาด โรคนี้หลังการรักษาสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ ส่วนความถี่ในการกลับมาเป็นซ้ำขึ้นกับหลายๆปัจจัยประกอบกัน ยาที่มีการใช้ในปัจจุบันได้แก่
-กลุ่มยาสระผม เช่น แชมพูที่มีส่วนผสมของ Selenium sulfide, Ketoconazole Shampoo, Tar Shampoo, และ Zinc ยาสระผมในกลุ่มนี้ ใช้รักษาอาการเซบเดิร์มที่หนังศีรษะ
-ยาทาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ใช้เพื่อลดการอักเสบของผิวหนัง ยาในกลุ่มนี้มีด้วยกันหลายตัว การเลือกใช้ขึ้นกับความรุนแรงของโรค และผิวหนังบริเวณที่ทายา สามารถใช้ทาได้ทั้งที่ใบหน้า และหนังศีรษะ
- ครีมบำรุงผิว หากมีผิวแห้งสามารถใช้ครีมบำรุงผิว Mineral oil และพวกมอสเจอไรเซอร์ เพื่อให้ความชุ่มชื้นได้
- ยาทาลดการอักเสบกลุ่มอื่นๆที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ยาทาในกลุ่ม Calcineurin inhibitor ยากลุ่มนี้มีฤทธิ์ลดการอักเสบของผิวหนัง สามารถใช้ทดแทนยาทาเสตียรอยด์ เพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาทาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ
- นอกจากนี้ยังมีการใช้ยารับประทาน สำหรับผู้ป่วยเซบเดิร์มที่มีอาการรุนแรง โดยการใช้จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น ตัวอย่างยาที่มีการใช้ ได้แก่
: ยาฆ่าเชื้อราชนิดรับประทาน ยาในกลุ่มนี้มีการใช้พบว่าได้ผลดีในเซบเดิร์ม ขนาดของยา และระยะเวลาการรักษาจะแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของยา ผลข้างเคียงที่ต้องระวัง ได้แก่ ภาวะตับอักเสบ จึงควรงดดื่มสุราระหว่างที่ทานยากลุ่มนี้
: ยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ ยาในกลุ่มนี้ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ปากแห้ง ผิวแห้ง และหญิงวัยเจริญพันธุ์จำเป็นต้องได้รับการคุมกำเนิดระหว่างใช้ยา และหลังหยุดยา 1 เดือนอย่างเคร่งครัด
: การรักษาโดยการฉายแสง เช่น การฉายแสงอาทิตย์เทียม
- รักษาความสะอาดบริเวณที่เป็นอยู่เสมอ โดยการล้างด้วยสบู่อ่อนๆและน้ำเปล่า
- ทำความสะอาดร่างกาย และหนังศีรษะเป็นประจำ
- ใช้ครีมบำรุงและผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง และผื่นเป็นมากขึ้นได้
- โกนหนวดเคราให้สะอาด เนื่องจากหนวดและเคราจะยิ่งทำให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นเซบเดิร์มแย่ลงได้
- สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อเรียบลื่น เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- เลี่ยงการขีดข่วน หรือการเกาซึ่งจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิว และติดเชื้อตามมาได้
- หากมีอาการคัน สามารถใช้ครีมสเตียรอยด์ชนิดอ่อนๆ ทาบรรเทาอาการคันได้
1.ปัจจัยกระตุ้นผื่นเห่อ
2. ภาวะที่เสี่ยงเซ็บเดิร์ม
3. การรักษาเมื่อผื่นเห่อ
4. การเลือกสกินแคร์
โรคเซบเดิร์มนั้นไม่อาจป้องกันการเกิดของโรคได้ โดยตัวโรคมักจะมีลักษณะเป็นๆหายๆ ตามปัจจัยที่มากระตุ้น แต่มีวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดโรคซ้ำ หรือบรรเทาอาการของโรคได้ โดยการปฏิบัติดังนี้ หลังจากอาการของโรคหายดีแล้ว
โรคเซบเดิร์มบริเวณหนังศีรษะ การป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกสามารถใช้แชมพูต้านเชื้อรา หรือทาร์แชมพู 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ หมักทิ้งไว้บนหนังศีรษะ 5 นาทีก่อนจะล้างออก
เซบเดิมตามร่างกาย ควรหมั่นทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่อ่อนๆ และน้ำเปล่าเป็นประจำทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดคราบมันบนผิวหนัง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของการกระตุ้นโรคเซบเดิร์ม และช่วยลดจำนวนของเชื้อราบนผิวหนัง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเกร็ดความรู้เรื่อง โรคผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม (Seborrheic dermatitis) จาก ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จ.อุบลราชธานี หวังว่าจะได้รับประโยชน์กันบ้างนะคะ วันนี้ลากันไปก่อน พบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่ะ 🙏🙏🙏
ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จังหวัดอุบลราชธานี รักษาสิว ทุกชนิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ทรีทเม้นท์ ไอพีแอล เลเซอร์ คิดถึงเรา โทร 061-550-9396 LINE ID: @629inyrd
Share to Social Networks
บริการเว็บไซต์โดย 8columns.com