2023-12-26 09:49:12
จำนวนครั้งที่อ่าน : 271
ในปัจจุบันยังไม่มีการบัญญัติชื่อโรคนี้โดยเฉพาะ แต่แพทย์บางท่านอาจเรียกว่า โรครังแคบนใบหน้า โรคเซ็บเดิร์ม โรคผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน หรือโรคผื่นแพ้ต่อมน้ำมัน
โรคผิวหนังอักเสบชนิดนี้จะมีอาการเรื้อรัง เป็นๆหายๆ พบได้ในหลายช่วงอายุ โรคอาจเริ่มเป็นตั้งแต่เด็กทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 2 เดือน หลังจากนั้นโรคมักหายไป และเริ่มเป็นใหม่ในช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ และวัยสูงอายุ ผู้ป่วยบางรายที่ผื่นเป็นมาก อาจมีภาวะคุ้มกันลดลง
ผื่นจะเกิดที่บริเวณที่มีต่อมไขมันที่ผิวหนังจำนวนมากและขนาดใหญ่ เช่น หนังศรีษะ ใบหน้า ( โดยเฉพาะข้างจมูก คิ้ว หู ) หน้าอกด้านบน แผ่นหลังด้านบน บางรายอาจเป็นที่สะดือ รักแร้ และ ขาหนีบ
เซ็บเดิร์ม
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่เชื่อว่าโรคผิวหนังอักเสบ Seborrheic dermatitis นี้มีปัจจัยกระตุ้นทั้งจากภายใน และภายนอก ดังนี้
1. ปัจจัยภายใน
- การเพิ่มจำนวนของยีสต์ชนิดหนึ่ง ที่ชื่อมาลาสซิเซีย ซึ่งปกติก็เป็นยีสต์ที่พบบริเวณผิวหนังของมนุษย์อยู่แล้ว
- ระดับฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน
- การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล
- ในผู้ป่วยบางรายอาจพบความผิดปกติของระบบประสาท ทำให้มีการกระตุ้นการผลิตไขมันจากต่อมไขมันเพิ่มมากขึ้น เช่น ในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน เป็นต้น
- ความเครียด
2. ปัจจัยภายนอก
- การเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่น อากาศเย็นจัด หรือร้อนจัด
ลักษณะของผื่น
ลักษณะจำเพาะของผื่นผิวหนังอักเสบ Seborrheic dermatitis คือ เป็นผื่นแดง ขอบเขตไม่ชัดเจน มีขุยหรือสะเก็ดสีออกขาวเหลืองร่วมด้วย ผื่นจะเกิดที่บริเวณที่มีต่อมไขมันใต้ผิวหนังมาก เช่น
- บริเวณหนังศรีษะ พบผื่นแดงและสะเก็ดลอกหลุด คล้ายรังแคร่วมด้วย
- บริเวณใบหน้า มักพบผื่นบริเวณข้างจมูก หัวคิ้ว และหลังหู
- บริเวณหน้าอกด้านบน แผ่นหลังด้านบน
- ส่วนน้อยอาจพบบริเวณสะดือรักแร้ และขาหนีบ ทั้งนี้อาการอาจเป็นได้ตั้งแต่มีขุยเล็กน้อย พบบางตำแหน่งจนถึงบริเวณกว้างได้
Seborrheic dermatitis
โรคผิวหนังอักเสบชนิดนี้มักเรื้อรังเป็นเๆหายๆ แต่ไม่ได้เป็นอันตราย เพียงแต่ก่อให้เกิดความกังวล ในด้านภาพลักษณ์ในช่วงที่ผื่นกำเริบจากปัจจัยที่กระตุ้น
เป้าหมายของการรักษาคือการควบคุมอาการต่างๆของโรค ป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ และอยู่ในช่วงสงบให้นานที่สุด โดยวิธีการดังนี้
1. การปฎิบัติตัว
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้โรคกำเริบ
- หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอากาศเย็นจัด ร้อนจัด
2. รักษาเมื่อมีผื่นกำเริบ
บริเวณหนังศรีษะ
- อาจใช้แชมพูสระผมที่มีส่วนผสมของ ซีลีเนียม ซัลไฟด์ ซิงก์ไพริไทโอน หรือแชมพูที่มีส่วนประกอบของสารช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้สะเก็ดลอกหลุด เช่น กรดซาลิไซลิก หรือน้ำมันดิน เป็นต้น
- ยาต้านเชื้อราคีโตโคนาโซล ชนิดครีม หรือแชมพู
- ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ แนะนำให้ทายาสเตียรอยด์ ที่มีฤทธิ์ปานกลาง หรือ แรง วันละ 2 ครั้ง เมื่อควบคุมอาการได้ควรหยุดยา และควรใช้ยาตามแพทย์สั่งเท่านั้น
บริเวณใบหน้า รักแร้ และขาหนีบ
- ยาต้านเชื้อราคีโตโคนาโซล ชนิดครีม เป็นการรักษาแรกที่มีประสิทธิภาพ โดยแนะนำให้ทาวันละ2 ครั้ง ในช่วงที่ผื่นกำเริบ และอาจทาเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันในระยะยาวได้
- ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ แนะนำให้ทายาสเตียรอยด์ที่ทีฤทธิ์อ่อน
- ทายา tacrolimus และ pimecrolimus เป็นยากลุ่มใหม่ที่สามารถควบคุมอาการของโรคได้ดีพอควร เหมาะกับบริเวณใบหน้า ซอกพับ และขาหนีบ แต่ยามีราคาสูง และการใช้ยานี้ควรได้รับคำแนะนำดูแลจากแพทย์
บริเวณลำตัว
- ยาต้านเชื้อราคีโตโคนาโซล ชนิดครีม แนะนำให้ทาวันละ 2 ครั้ง
- ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์อ่อน หรือปานกลาง
Seborrheic dermatitis
Seborrheic dermatitis
กรณีผื่นกำเริบรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อยาทา แพทย์จะพิจารณายาต้านเชื้อรา หรือ ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน แต่ควรได้รับการติดตามจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
3. การป้องกันในระยะยาว
- แนะนำให้ใช้ยาต้านเชื้อราคีโตโคนาโซล ชนิดครีม ทาเป็นครั้งคราวหรือ แชมพูสระผม สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ร่วมกับการทาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังเป็นประจำทุกวัน ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์บางประเภทมีส่วนประกอบของสารต้านการอักเสบร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกันการกลับเป็นมาซ้ำ
Seborrheic dermatitis
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเกร็ดความรู้เรื่อง การดูแล เซ็บเดิร์มจาก ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จ.อุบลราชธานี หวังว่าจะได้รับประโยชน์กันบ้างนะคะ วันนี้ลากันไปก่อน พบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่ะ 🙏🙏🙏
ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จังหวัดอุบลราชธานี รักษาสิว ทุกชนิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ทรีทเม้นท์ ไอพีแอล เลเซอร์ คิดถึงเรา โทร 061-550-9396 LINE ID: @629inyrd
Share to Social Networks
บริการเว็บไซต์โดย 8columns.com