2024-04-01 10:08:33
จำนวนครั้งที่อ่าน : 43
Atopic dermatitis
Atopic Dermatitis หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นอาการของผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ ทำให้ผิวแห้ง แดง มีผื่นตามบริเวณต่าง ๆ และมีอาการคันอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วไป Atopic Dermatitis เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบในเด็กมากกว่าวัยอื่น ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยตรง แต่อาจรักษาได้โดยบรรเทาอาการและป้องกันอาการลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
Atopic Dermatitis มักเกิดขึ้นในวัยเด็กช่วงอายุก่อน 5 ปี และอาจคงอยู่ไปเรื่อย ๆ จนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ โดยอาการหลักของ Atopic Dermatitis ที่พบได้ทั่วไป คือ คันตามผิวหนัง ซึ่งอาจก่อให้เกิดผื่นแดงตามมา โดยอาจมีผิวหนังแห้ง ลอก และเป็นขุยร่วมด้วย ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเรื้อรัง แบบเป็น ๆ หาย ๆ หรืออาการอาจหายไปหลายปีก่อนกลับมาเป็นอีกครั้ง ทั้งนี้ ความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ ขนาดของบริเวณที่เกิดอาการ และการเกาบริเวณที่ติดเชื้อ
นอกจากนี้ ผู้ป่วย Atopic Dermatitis อาจแสดงอาการ ดังต่อไปนี้
สีผิวเปลี่ยนแปลง อาจมีสีเข้มขึ้นหรืออ่อนลงกว่าปกติ
ผิวบอบบาง และบวมเมื่อถูกเกา
ผิวแตก หรือเป็นสะเก็ดตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย
คันตามผิวหนัง โดยเฉพาะเวลากลางคืน
ผิวเป็นปื้นสีแดง หรือสีน้ำตาลอ่อนปนเทาที่มักปรากฏบริเวณมือ เท้า ข้อเท้า ข้อมือ คอ อกช่วงบน ข้อพับ เปลือกตา ใบหน้าและศีรษะ
ผิวหนังมีตุ่มพอง หรือมีแผลพุพองขนาดเล็กที่มีรอยแดงและการติดเชื้อรอบแผล ซึ่งอาจแตกและมีของเหลวไหลออกมาได้เมื่อถูกเกา
มีของเหลวไหลออกจากหู หรือมีเลือดไหลออกจากหู
Atopic dermatitis
ผื่นแดงหรือผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของยีนที่มีผลต่อผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังไม่ได้รับการป้องกันที่เหมาะสม และผิวอาจบอบบางลงจนเสี่ยงติดเชื้อจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สารก่ออาการระคายเคือง และสารก่ออาการแพ้
ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุของ Atopic Dermatitis ได้อย่างแน่ชัด แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน โดยอาจเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมที่มีในตัวผู้ป่วยเอง หรือคนในครอบครัวที่มีโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหืด และอาการแพ้อากาศ ร่วมกับภาวะทางภูมิต้านทานโรคในร่างกายผู้ป่วยเอง หรือร่างกายอาจขาดโปรตีนที่ช่วยให้ผิวหนังกักเก็บน้ำ จนทำให้ผิวหนังแห้ง แดง คัน ระคายเคือง และก่อให้เกิดโรค Atopic Dermatitis ได้
นอกจากนี้ อาการคันและผื่นแดงอาจถูกกระตุ้นให้ทวีความรุนแรงขึ้นได้จากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
น้ำหอมและสีในโลชั่นหรือสบู่
สารก่ออาการแพ้ เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสร เชื้อรา หรือขนสัตว์
วัสดุที่หยาบ เช่น ผ้าขนสัตว์
สารที่ทำให้ระคายเคือง
อากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะหน้าหนาวที่มีอากาศแห้งและเย็น
สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกะทันหัน เช่น อาบน้ำร้อนเสร็จแล้วตากแอร์ทันทีอาจทำให้คันและระคายเคืองผิวหนังได้
ผิวแห้งที่อาจเกิดจากการอาบน้ำหรือว่ายน้ำบ่อยเกินไป
อาหารบางชนิด เช่น ไข่ ถั่วลิสง นม เป็นต้น
ป่วยเป็นไข้หวัด
ความเครียด
การวินิจฉัยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
โดยส่วนใหญ่โรค Atopic Dermatitis วินิจฉัยได้จากประวัติทางการแพทย์ และแพทย์อาจวินิจฉัยด้วยวิธีอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
ตรวจร่างกาย หรือสังเกตผิวหนังของผู้ป่วย เพื่อวินิจฉัยอาการหรือหาสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวแห้งและคัน
ทดสอบการแพ้ทางผิวหนัง แพทย์อาจใช้สารก่ออาการแพ้กระตุ้นบริเวณท้องแขนหรือแผ่นหลังก่อน หรืออาจใช้วิธีอื่น ๆ เพื่อทดสอบอาการแพ้ทางผิวหนังตามดุลยพินิจของแพทย์
ตัดชิ้นเนื้อตรวจ โดยนำตัวอย่างเนื้อเยื่อหรือเซลล์ในร่างกายไปส่องกล้องจุลทรรศน์ตรวจหาโรค
วิธีข้างต้นเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยผู้ป่วยภูมิแพ้ชนิดอื่น ๆ ด้วย เช่น โรคภูมิแพ้ที่เกี่ยวกับการหายใจ และโรคหืด รวมถึงผู้ที่มีผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่รักษาได้ยาก และผู้ที่มีผื่นแดงเฉพาะจุดจากการสัมผัสสารเคมีบางชนิด
Atopic dermatitis
การรักษา Atopic Dermatitis อาจใช้เวลานานหลายเดือนหรือเป็นปี เพราะผู้ป่วยอาจต้องลองรักษาหลายวิธี เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมกับตนที่สุด เมื่อจบกระบวนการรักษาแล้ว อาการต่าง ๆ อาจหายไปแล้วกลับมาเป็นอีกครั้ง หรือบางรายอาการอาจคงอยู่อย่างถาวร
ส่วนระยะเวลาการรักษาจะแตกต่างกันไปตามการวินิจฉัยของแพทย์ หากอาการไม่รุนแรงมากนัก ผู้ป่วยอาจรักษาด้วยยาที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งจากแพทย์ เช่น
ยาบรรเทาอาการคันชนิดทา เช่น ครีมยาไฮโดรคอร์ติโซนที่มีตัวยาไฮโดรคอร์ติโซนอย่างน้อย 1 เปอร์เซ็นต์
ยาแก้แพ้หรือยาบรรเทาอาการคันชนิดรับประทาน เช่น ยาเซทิริซีน และยาเฟกโซเฟนาดีน
นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจบรรเทาอาการคันด้วยตนเองในเบื้องต้นได้ตามวิธีดังต่อไปนี้
ใช้สารให้ความชุ่มชื้นผิวเพื่อทำให้ผิวไม่แห้งจนเกินไป อาจใช้ปิโตรเลียมเจล ครีม หรือโลชั่น วันละ 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะหลังอาบน้ำเสร็จ และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ สี กลิ่น และสารเคมีอื่น ๆ
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง Atopic dermatitis
ใช้ครีมอาบน้ำหรือน้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิวแทนการใช้สบู่
หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และพยายามให้ผิวสัมผัสน้ำน้อยที่สุด
ใส่เสื้อผ้าที่นุ่มสบาย เนื้อผ้าไม่หยาบ และไม่รัดรูปจนเกินไป เพื่อลดการระคายเคือง
ปิดบริเวณที่เป็นผื่นด้วยผ้าพันแผล ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ และสวมถุงมือก่อนนอน เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการเกา
ผ่อนคลายความเครียด เพราะความเครียดจะทำให้อาการแย่ลง
ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศภายในที่พักอาศัย
หากรักษาด้วยตนเองตามวิธีข้างต้นแล้วอาการไม่ทุเลาลง ผู้ป่วยอาจต้องไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและรับการรักษาอื่น ๆ เช่น การรักษาด้วยแสงซึ่งเป็นการใช้แสง UV และแสงอาทิตย์ในการรักษาโรค การทำแผลแบบเปียก โดยการใช้ครีมสเตียรอยด์และผ้าพันแผลแบบเปียกปิดรอบบริเวณผื่นไว้ และการรักษาด้วยยา ดังต่อไปนี้
Atopic dermatitis
ยาต้านแคลซินูริน เช่น ยาทาพิเมโครลิมัส ยาทาทาโครลิมัส เป็นต้น
ยาทาขี้ผึ้งคริสะโบโรล
ยาต้านฮิสตามีน
ยาปฏิชีวนะ เพื่อกำจัดแบคทีเรียจากผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่ติดเชื้อ
ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน เพื่อควบคุมการอักเสบของผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
ยาเมโธเทรกเซท
ยาไซโคลสปอริน
ยาอะซาไธโอพรีน
ยา Dupilumab ยาฉีดชีวภาพ
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
ผู้ป่วยโรค Atopic Dermatitis มักเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น โรคหืด และโรคภูมิแพ้อากาศ ซึ่งหากเป็น Atopic Dermatitis แล้วไม่รีบรักษาบรรเทาอาการ หรือไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ดังนี้
อาการทางผิวหนัง เช่น อาการคันเรื้อรังและผิวลอกเป็นสะเก็ด หรือโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่อาจส่งผลให้ผิวหนังเปลี่ยนสี แห้ง แข็ง มีลักษณะเป็นปื้น หากยิ่งเกาจะยิ่งคัน แต่หากเกาบ่อยครั้งก็อาจทำให้ผิวหนังแตกได้ เสี่ยงเกิดผิวหนังติดเชื้อจากแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสมากขึ้น เช่น ไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเริม เป็นต้น
เป็นผื่น ผู้ป่วยอาจเป็นผื่นแพ้สัมผัส หรือผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานสัมผัสกับสบู่ ผงซักฟอก ยาฆ่าเชื้อ และต้องมือเปียกอยู่บ่อยครั้ง
นอกจากนี้ อาการคันอาจกำเริบหนักในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหานอนไม่หลับ หลังรักษาผื่นภูมิแพ้ผิวหนังแล้ว อาจเกิดรอยแผลเป็นถาวรได้เช่นกัน
การป้องกันโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
Atopic Dermatitis มีวิธีป้องกัน ดังนี้
กำหนดเวลาอาบน้ำไม่ให้นานจนเกินไป ควรอาบน้ำเพียง 10-15 นาที
ใช้น้ำยาซักผ้าขาวในสัดส่วน ½ ถ้วย ต่อน้ำสะอาด 151 ลิตร ผสมกันแล้วนำไปอาบน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ Atopic Dermatitis
ใช้สบู่ธรรมดาที่อ่อนโยนต่อผิว เพราะสบู่ขจัดกลิ่นหรือขจัดแบคทีเรียอาจทำให้ผิวแห้งเกินไป
หลังอาบน้ำ ค่อย ๆ เช็ดตัวให้แห้ง โดยใช้ผ้าขนหนูซับเบา ๆ บนผิว ก่อนใช้ครีมทาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
ใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นผิว เช่น ปิโตรเลียมเจล วันละ 2-3 ครั้ง
หลีกเลี่ยงสารก่ออาการแพ้ต่าง ๆ ที่อาจทำให้อาการแย่ลง
ห้ามถูหรือขัดผิวหนังแรง ๆ และไม่ปล่อยให้ผิวหนังแห้งนานจนเกินไป
ให้เด็กแรกเกิดดื่มนมแม่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกัน เพราะเด็กที่บริโภคนมแม่ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป อาจเสี่ยงเป็นโรคนี้น้อยลง แต่หากไม่สามารถให้เด็กดื่มนมแม่ได้นานเท่าระยะเวลาดังกล่าว ควรให้เด็กบริโภคนมผงที่มีโปรตีนนมวัวทดแทน เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรค
ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จังหวัดอุบลราชธานี รักษาสิว ทุกชนิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ทรีทเม้นท์ ไอพีแอล เลเซอร์ คิดถึงเรา โทร 061-550-9396 LINE ID: @629inyrd
Share to Social Networks
บริการเว็บไซต์โดย 8columns.com