2024-04-01 10:08:35
จำนวนครั้งที่อ่าน : 23
Rosacea หรือโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย เป็นภาวะทางผิวหนังที่พบบ่อย โดยจะเกิดรอยแดงและมองเห็นเส้นเลือดบนใบหน้าได้ชัดเจน อาจเกิดตุ่มหนองหรือตุ่มสีแดงขนาดเล็ก ซึ่งอาจเกิดอาการอย่างมากในช่วงระยะเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนแล้วจึงค่อย ๆ บรรเทาลง อาการที่เกิดขึ้นอาจทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดว่าเป็นสิว มีอาการแพ้ทางผิวหนัง หรือเป็นความผิดปกติทางผิวหนังอื่น ๆ ได้ และภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่มักเกิดกับเพศหญิงวัยกลางคนที่มีผิวขาวเป็นส่วนใหญ่
ผู้ป่วย Rosacea อาจมีอาการต่าง ๆ ดังนี้
Rosacea
เกิดรอยแดงที่ใบหน้า โดยมักทำให้เกิดรอยแดงอย่างถาวรบริเวณกลางใบหน้า
Rosacea
เกิดรอยแดงที่ใบหน้า โดยมักทำให้เกิดรอยแดงอย่างถาวรบริเวณกลางใบหน้า
Rosacea
เส้นเลือดที่จมูกและแก้มมักขยายตัวจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
Rosacea
มีตุ่มแดงบวมคล้ายสิว บางรายอาจมีหนองและรู้สึกร้อนหรือมีอาการกดเจ็บที่ผิวหนังด้วย
What Rosacea Looks Like
มีความผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา เช่น ตาแห้ง ตาบวมแดงและระคายเคือง เปลือกตาแดง เป็นต้น โดยผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการที่ตาก่อนจะเกิดอาการทางผิวหนัง ซึ่งอาจกระทบต่อการมองเห็นด้วย
จมูกอาจขยายใหญ่ขึ้นและผิวหนังบนจมูกอาจหนาขึ้น แต่ก็พบได้ค่อนข้างน้อย และเกิดขึ้นกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง
Rosacea Common Symptoms
ผิวแห้ง ผิวหยาบกร้านขรุขระ และรูขุมขนกว้าง
ทั้งนี้ โรค Rosacea อาจเกิดขึ้นและหายไป โดยมักแสดงอาการเป็นเเวลาไม่กี่สัปดาห์และค่อย ๆ หายไปเอง แต่ก็อาจกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งหากผู้ป่วยพบว่าเป็นรอยแดงที่ใบหน้าและอาการต่าง ๆ ไม่ดีขึ้นหรือหายไป ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
Rosacea symptoms
ปัจจุบันในทางการแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดของโรค Rosacea ได้ โดยสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากกรรมพันธุ์และปัจจัยแวดล้อมรวมกัน
โดยปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดโรคนี้ ได้แก่
การดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนหรือแอลกอฮอล์ และการรับประทานอาหารรสเผ็ด
การสัมผัสลม แสงแดด หรืออยู่ในอุณหภูมิแบบสุดขั้ว
หลอดเลือดบริเวณใบหน้ามีความผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อถูกแสงแดดก็อาจทำให้อาการแย่ลงได้
มีตัวไรเดโมเด็กซ์ ฟอลลิคิวโลรัม (Demodex Folliculorum) อาศัยอยู่บนผิวหนังเป็นจำนวนมาก ซึ่งโดยปกติจะไม่ทำให้เกิดอันตราย แต่หากมีเป็นจำนวนมากก็อาจทำให้ระคายเคืองผิวได้
Signs of Rosacea
สภาพอารมณ์
การออกกำลังกายอย่างหนัก
การใช้เครื่องสำอาง
การใช้ยาที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว หรือยารักษาความดันโลหิตบางชนิด
นอกจากนี้ ยังมีบางปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรค Rosacea ได้ คือ เป็นเพศหญิง มีผิวขาว โดยเฉพาะมีผิวที่เสียหายจากแสงแดด มีอายุ 30-50 ปี เป็นผู้ที่สูบบุหรี่ เป็นสิวอย่างรุนแรง หรือมีประวัติคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคนี้
การวินิจฉัยโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย
สำหรับการตรวจโรค Rosacea นั้น ยังไม่มีวิธีการทดสอบโดยเฉพาะ แพทย์จึงต้องซักประวัติและสอบถามลักษณะอาการ รวมทั้งตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ ดังนี้
ตรวจดูบริเวณผิวหนัง โดยผู้ป่วยที่มีอาการของโรคนี้มักมีหลอดเลือดขยายตัว บางรายแพทย์อาจต้องทดสอบเพื่อจำแนกโรคอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายคลึงกันด้วย เช่น สิว โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ และโรคลูปัส เป็นต้น
ตรวจชิ้นเนื้อ แพทย์อาจต้องนำตัวอย่างเนื้อเยื่อผิวหนังของผู้ป่วยบางรายไปตรวจ เพื่อช่วยยืนยันการวินิจฉัยโรคนี้
ตรวจตา หากผู้ป่วยมีความผิดปกติเกี่ยวกับตา แพทย์อาจส่งตัวผู้ป่วยให้ไปรับการตรวจกับจักษุแพทย์ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสมต่อไป
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย
เนื่องจากโรค Rosacea ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และเกิดอาการซ้ำได้บ่อยครั้ง ดังนั้น การรักษาจึงเป็นการควบคุมอาการด้วยการดูแลสุขภาพผิวและการรักษาทางการแพทย์ร่วมกัน ส่วนระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของอาการด้วย
โดยแพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาตามอาการของผู้ป่วย ดังนี้
การใช้ยา แพทย์อาจใช้ยาลดอาการแดงและตุ่ม เพื่อช่วยออกฤทธิ์ช่วยให้หลอดเลือดหดตัว โดยอาจเห็นผลได้ภายใน 12 ชั่วโมงหลังใช้ยา เช่น กรดอะซีลาอิก และยาเมโทรนิดาโซล เป็นต้น รวมถึงอาจให้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานเพื่อช่วยลดเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ เช่น ยาด็อกซีไซคลิน ยาเมโทรนิดาโซล และยาอิริโทรมัยซิน เป็นต้น นอกจากนี้ อาจให้ยาไอโซเตรทติโนอิน เพื่อช่วยลดตุ่มคล้ายสิวที่เกิดขึ้น ซึ่งแพทย์อาจใช้ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมากและผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ แต่ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่ตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้เด็กพิการแต่กำเนิดได้
การรักษาด้วยเลเซอร์ อาจใช้เพื่อลดอาการแดงจากการขยายตัวของหลอดเลือด
การกรอผิว (Dermabrasion) เป็นเทคนิคการขัดผิวที่ใช้เครื่องมือหมุนเพื่อขจัดผิวหนังชั้นนอก
การทำ IPL (Intense Pulsed Light Therapy) เป็นการฉายแสงความเข้มข้นสูงและใช้ความยาวช่วงคลื่นแสงแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อรักษาผิวบริเวณที่มีอาการ
การใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า เพื่อรักษาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภาวะไรโนฟีมา (Rhinophyma) ที่ส่งผลให้จมูกบวม และรักษาเส้นเลือดที่ขึ้นจนเห็นได้ชัดเจน
ภาวะแทรกซ้อนของโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย
ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงซึ่งพบได้น้อย อาจพบว่าเกิดภาวะไรโนฟีมา ซึ่งเป็นภาวะที่ต่อมไขมันบริเวณจมูกและแก้มขยายใหญ่ขึ้น อันเกิดจากการอักเสบอย่างเรื้อรัง โดยภาวะแทรกซ้อนนี้มักเกิดกับผู้ชายและเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ในระยะเวลาเป็นปี
การป้องกันโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย
แม้โรค Rosacea เป็นการเจ็บป่วยที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองและป้องกันอาการกำเริบรุนแรงขึ้นได้ในเบื้องต้น ดังนี้
หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่เป็นสาเหตุ เช่น แสงแดด อากาศเย็น ลมแรง บุหรี่ อาหารบางชนิด การออกกำลังกายอย่างหนัก และความเครียด เป็นต้น
หลีกเลี่ยงการออกกลางแจ้งเวลากลางวัน หรือใส่หมวกและใช้ร่มเมื่อต้องออกกลางแจ้ง และใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันรังสียูวี (SPF) 30 ขึ้นไป
ดูแลผิวหน้าอย่างอ่อนโยน อย่าขัดหรือสัมผัสผิวหน้ามากเกินไป โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าอยู่เสมอ รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์หรือสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง
ใช้เครื่องสำอางในการช่วยปกปิดรอยแดงที่เกิดขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้เครืองสำอางบริเวณดวงตา แต่หากต้องการใช้เครื่องสำอางก็ต้องแน่ใจว่าเป็นชนิดที่สามารถล้างออกได้ง่าย
หากเปลือกตาอักเสบจากโรค Rosacea ให้ดูแลและบรรเทาอาการด้วยการทำความสะอาดเปลือกตาด้วยน้ำอุ่นทุกวัน
ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จังหวัดอุบลราชธานี รักษาสิว ทุกชนิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ทรีทเม้นท์ ไอพีแอล เลเซอร์ คิดถึงเรา โทร 061-550-9396 LINE ID: @629inyrd
Share to Social Networks
บริการเว็บไซต์โดย 8columns.com