2024-04-25 09:26:01
จำนวนครั้งที่อ่าน : 79
สิวยีสต์ หรือ สิวเชื้อรา เป็นคำที่สื่อความหมายให้เข้าใจได้ง่าย เนื่องจากผื่นที่พบบนผิวหนังนั้นมีลักษณะคล้ายสิวและมีสาเหตุเกิดจากเชื้อรา แต่แท้จริงแล้วในทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า “รูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา” (Malassezia folliculitis หรือ Pityrosporum folliculitis) ซึ่งอาจพบเดี่ยว ๆ หรือพบร่วมกับสิวทั่วไปที่มีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือการติดเชื้อแบคทีเรียก็ได้
สิวยีสต์ หรือ สิวเชื้อรา
อย่างที่บอกว่า สิวยีสต์ เกิดจากเชื้อรา โดยเชื้อที่เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ ได้แก่ เชื้อราประเภทยีสต์ในกลุ่ม “มาลาสซีเซีย (Malassezia species)” ซึ่งปกติจะพบในผิวหนังของเราอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าเชื้อรามีการเจริญเติบโตมากผิดปกติก็จะทำให้เกิดโรคผิวหนังหลายชนิดตามมา อย่างน้อย ๆ ก็คือรูขุมขนอักเสบ แต่ถ้าหนักเข้าก็เป็นโรคเกลื้อน โรครังแคอักเสบ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เชื้อราชนิดนี้เติบโตผิดปกติ ได้แก่
ผู้ที่มีผิวมัน เหงื่อออกง่าย ซึ่งน้ำมันบนผิวคืออาหารของยีสต์
ผู้ที่มีรูขุมขนอุดตันจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ระบายอากาศ โดยเฉพาะผ้าใยสังเคราะห์ ทำให้เหงื่อออกมาก ยีสต์ที่ชอบอากาศร้อนชื้นจึงเจริญเติบโตได้ดี
ใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน (ทั้งชนิดรับประทานและทา) ทำให้ตัวยาไปกำจัดเชื้อแบคทีเรีย แต่เชื้อราจะเติบโตเพิ่มขึ้นแทน
ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หรือกินยากลุ่มสเตียรอยด์
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เครียดหรือเหนื่อยล้า อาจส่งเสริมให้เกิดรูขุมขนอักเสบจากเชื้อราได้ง่าย
โรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อราอาจดูคล้ายสิว คนจึงมักเข้าใจผิดว่าเป็นสิว ซึ่งสิวเชื้อรา หรือ สิวยีสต์ ส่วนใหญ่มักเกิดที่ผิวหนังบริเวณหน้าอก แผ่นหลัง แต่สามารถพบได้ที่ไหล่ คอ และใบหน้าเช่นกัน มีลักษณะเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตร และจากการที่เชื้อรามาลาสซีเซียเจริญเติบโตมากผิดปกติบริเวณรูขุมขน จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเป็นตุ่มแดง อาจมีตุ่มหนองร่วมด้วย แต่ไม่มีลักษณะของสิวอุดตัน อาการที่เห็นได้ชัดอีกอย่างคือคันบริเวณที่เป็น โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนชื้น ช่วงที่ต้องทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากสิวทั่วไปที่ไม่ค่อยมีอาการคัน
สิวยีสต์ รักษาอย่างไรให้หายขาด
หากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา หรือ สิวยีสต์ การรักษามักเริ่มด้วยยารับประทาน เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงกว่ายาทา สามารถแพร่กระจายไปยังรูขุมขน ซึ่งอยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ได้ดี แต่อาจมีผลต่อฮอร์โมน การทำงานของตับ และทางเดินอาหาร การใช้ยาต้านเชื้อราจึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ขณะที่ยาทา เช่น Ketoconazole Cream มักใช้เป็นยาเสริมร่วมกับยารับประทาน หรือใช้หลังจากที่ผื่นหายแล้ว เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ โดยใช้ระยะเวลาการรักษาประมาณ 1-2 เดือน หรืออาจจะมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นสิวยีสต์ห้ามกินขนมปังหรือเปล่า ขอบอกว่าหลีกเลี่ยงที่สาเหตุจะตรงจุดกว่า เช่น งดยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิด น้ำที่มีคลอรีน และอาหารที่มีน้ำตาลปริมาณมาก เพราะทั้งหมดนี้ทำให้ยีสต์และเชื้อราเติบโตในร่างกายได้ดี ส่งผลให้เกิดสิวจากเชื้อรานั่นเอง นอกจากนี้ถ้าไม่อยากเป็นสิวอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็ควรงดของมัน ของทอด ชีส เนย นม ไปก่อน เพราะอาหารเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของสิวได้ง่าย
สิวยีสต์ไม่สามารถป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไม่อยากให้เกิดสิวยีสต์ สิวจากเชื้อรา หรือถ้าเคยเป็นแล้วไม่อยากให้เป็นซ้ำ มีเคล็ดลับป้องกันง่าย ๆ ดังนี้
ทำความสะอาดผิวให้สะอาดอยู่เสมอ
ใช้สบู่และแชมพู ต้านเชื้อรา
1. ล้างทำความสะอาดผิวหน้าและตัวให้สะอาดอยู่เสมอ หรือใช้สบู่และแชมพูต้านเชื้อรา ช่วยควบคุมไม่ให้เชื้อราเจริญเติบโตบนผิวหนังมากเกินไป
2. หากเป็นคนเหงื่อเยอะ ควรซับเหงื่อที่หน้าหรือตัวบ่อย ๆ ถ้าสะดวกให้พกเสื้อไว้เปลี่ยนเลย
งดสกินแคร์ กลุ่มเสี่ยงอุดตันทุกชนิด
3. งดการแต่งหน้า ทากันแดด และสกินแคร์กลุ่มที่เสี่ยงอุดตันทุกชนิด
กิน โพรไบโอติกส์
4. กินโพรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต ผัก-ผลไม้ มิโสะซุป ก็ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อราที่เจริญมากผิดปกติได้เช่นกัน
ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จังหวัดอุบลราชธานี รักษาสิว ทุกชนิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ทรีทเม้นท์ ไอพีแอล เลเซอร์ คิดถึงเรา โทร 061-550-9396 LINE ID: @629inyrd
Share to Social Networks
บริการเว็บไซต์โดย 8columns.com