2024-08-01 09:16:53
จำนวนครั้งที่อ่าน : 62
TEA TREE OIL เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง หลายคนเชื่อว่าอาจช่วยรักษาอาการอักเสบหรือการติดเชื้อตามผิวหนังได้ ผู้ประกอบการหลายรายจึงตัดสินใจนำ TEA TREE OIL มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์รักษาโรคจากการติดเชื้อหรืออาการอักเสบต่าง ๆ เช่น ผิวหนังอักเสบ สิว เชื้อราที่เล็บ รังแค เป็นต้น
สรรพคุณของ TEA TREE OIL
TEA TREE OIL คือ น้ำมันที่ได้จากการสกัดใบของต้นไม้พื้นเมืองประเทศออสเตรเลีย มีส่วนประกอบเป็นสารหลายชนิด หนึ่งในนั้น คือ สาร Terpinen-4-ol ซึ่งเชื่อว่าอาจมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและฆ่าเชื้อชนิดต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อรา อีกทั้งยังเชื่อกันว่าอาจช่วยส่งเสริมกระบวนการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ หลายคนเชื่ือว่าสารประกอบบางชนิดใน TEA TREE OIL อาจมีสรรพคุณช่วยต้านเชื้อโรคและต้านการอักเสบ ในปัจจุบันจึงนิยมนำสารสกัดชนิดนี้มาสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาผิวหนังอักเสบ สิว รังแค เชื้อราที่เล็บ รวมถึงการสมานแผลตามร่างกายด้วย โดยมีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนความเชื่อในบางด้าน ดังต่อไปนี้
ผิวหนังอักเสบเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งการสัมผัสสารเคมีที่ก่อภูมิแพ้ การติดเชื้อ หรือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้ผิวหนังแดง คัน และบางครั้งอาจรู้สึกเจ็บร่วมด้วย TEA TREE OIL เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่คนทั่วไปเชื่อว่ามีสรรพคุณต้านการอักเสบ จึงมีงานวิจัยหนึ่งนำสารสกัดชนิดนี้และสารชนิดอื่นที่มีสรรพคุณต้านการอักเสบ ทั้งยาขี้ผึ้งอิชแทมมอล ซิงค์ออกไซด์ การบูร เลโวเมนทอล และยาโคลเบทาซอล มาทดลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการรักษาผิวหนังอักเสบจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ พบว่า TEA TREE OIL สามารถลดอาการอักเสบลงได้มากที่สุด โดยมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์
เช่นเดียวกับอีกงานวิจัยหนึ่งที่ศึกษาคุณสมบัติของ TEA TREE OIL ในด้านนี้ โดยให้อาสาสมัคร 27 รายฉีดสารฮิสตามีนเข้าชั้นผิวหนังบริเวณท้องแขนเพื่อทำให้เกิดอาการบวมแดง แล้วจึงเฝ้าสังเกตลักษณะของตุ่มนูนแดงที่เกิดขึ้น หลังจากนั้น 20 นาที ให้อาสาสมัคร 21 รายทา TEA TREE OIL ลงบนผิวหนังที่เกิดการอักเสบ และให้อาสาสมัคร 6 รายทาน้ำมันพาราฟินแล้วติดตามอาการต่ออีก 40 นาที ผลปรากฏว่ากลุ่มที่ใช้ TEA TREE OIL มีขนาดตุ่มนูนแดงบนผิวหนังลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แม้ผลการทดลองจะเป็นไปในทางบวก แต่ผู้บริโภคควรใช้สารสกัดใด ๆ จาก TEA TREE OIL อย่างระมัดระวัง และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด เพราะในปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันถึงผลข้างเคียงจากการใช้ TEA TREE OIL อย่างชัดเจน และในทางกลับกันสารสกัดชนิดนี้ก็อาจทำให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบได้ด้วยเช่นกัน
สิวเป็นภาวะผิวหนังอักเสบจากการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วบริเวณรูขุมขน ทำให้เกิดตุ่มแดงเล็ก ๆ และอาจมีหนองอยู่ภายใน ส่วนมากจะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก ไหล่ หรือหลัง มีงานวิจัยหนึ่งศึกษาคุณสมบัติของ TEA TREE OIL ในการรักษาสิว โดยแบ่งอาสาสมัครที่เป็นสิวในระดับน้อยถึงปานกลางจำนวน 60 รายออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ใช้เจลที่มี TEA TREE OIL เป็นส่วนผสม 5 เปอร์เซ็นต์ กับกลุ่มที่ไม่ใช้ TEA TREE OIL แล้วติดตามอาการทุก 15 วันเป็นระยะเวลา 45 วัน ผลปรากฏว่าอาสาสมัครกลุ่มแรกมีจำนวนสิวน้อยลง อีกทั้งยังมีอาการอักเสบของสิวที่ทุเลาลงอย่างมีนัยสำคัญด้วย
เช่นเดียวกับอีกหนึ่งงานวิจัยซึ่งให้อาสาสมัครที่เป็นสิว 14 รายใช้เจลแต้มสิวและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ทำจาก TEA TREE OIL ติดต่อกัน 12 สัปดาห์ แล้วติดตามอาการทุกสัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 พบว่าจำนวนสิวค่อย ๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ งานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ TEA TREE OIL ในด้านนี้มีค่อนข้างมาก และผลการวิจัยส่วนใหญ่ก็เป็นไปในทางบวก จึงอาจกล่าวได้ว่าสารสกัดชนิดนี้มีแนวโน้มช่วยรักษาสิวในระดับความรุนแรงน้อยถึงปานกลางได้
รังแค คือ สะเก็ดสีขาวเล็ก ๆ ที่เส้นผมหรือหนังศีรษะ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงแต่อาจทำให้เกิดอาการคัน แม้จะรักษาให้หายขาดได้ค่อนข้างยาก แต่ก็สามารถควบคุมไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ในปัจจุบันผู้ประกอบการหลายรายนิยมนำ TEA TREE OIL มาเป็นส่วนผสมของแชมพูสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังศีรษะ เพราะเชื่อว่าสารสกัดชนิดนี้มีฤทธิ์ต้านเชื้อราและช่วยรักษารังแคได้
มีงานวิจัยหนึ่งศึกษาคุณสมบัติของ TEA TREE OIL ในการรักษารังแค โดยแบ่งอาสาสมัครทั้งชายและหญิงที่มีปัญหารังแคจำนวน 126 รายออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ใช้แชมพูที่มี TEA TREE OIL เป็นส่วนผสม กับกลุ่มที่ใช้แชมพูที่ไม่มี TEA TREE OIL เป็นส่วนผสม และให้ทั้ง 2 กลุ่มใช้แชมพูวันละครั้งติดต่อกัน 4 สัปดาห์ ผลปรากฏว่าอาสาสมัครกลุ่มแรกมีรังแคลดลงถึง 41 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอาสาสมัครกลุ่มที่ 2 มีรังแคลดลงเพียง 11 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม แม้งานวิจัยจะชี้ให้เห็นว่า TEA TREE OIL อาจช่วยรักษารังแคได้ แต่ก็ยังมีหลักฐานยืนยันคุณสมบัติในด้านนี้ไม่เพียงพอ ผู้บริโภคจึงควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนเลือกซื้อ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
เชื้อราที่เล็บเกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อราบริเวณเล็บ สามารถเกิดได้ทั้งในเล็บมือและเล็บเท้า แต่ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่เล็บเท้า โดยผู้ป่วยมักพบจุดสีขาวหรือสีเหลืองบริเวณปลายเล็บ หากเชื้อราเริ่มขยายตัว อาจทำให้เล็บหนาขึ้น เล็บเปลี่ยนสี เกิดขุยหนาใต้เล็บ หรือเล็บแยกตัวออกจากฐานเล็บ ซึ่งอาจสังเกตเห็นเล็บเป็นโพรงหรือช่องว่างใต้เล็บ
มีงานวิจัยที่ศึกษาสรรพคุณของ TEA TREE OIL ในการรักษาเชื้อราที่เล็บ โดยแบ่งผู้ป่วยเชื้อราที่เล็บ 117 รายออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ทายาโคลไตรมาโซลบริเวณเล็บที่ติดเชื้อรา ส่วนกลุ่มที่ 2 ให้ทา TEA TREE OIL บริเวณเล็บที่ติดเชื้อราวันละ 2 ครั้งติดต่อกัน 6 เดือนแล้วติดตามอาการเป็นระยะ พบว่าผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่มค่อย ๆ มีอาการดีขึ้น จึงคาดว่า TEA TREE OIL อาจมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับยาต้านเชื้อราอย่างยาโคลไตรมาโซล
งานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ TEA TREE OIL ในด้านนี้มีค่อนข้างมาก และผลการวิจัยส่วนใหญ่เป็นไปในทางบวก จึงอาจกล่าวได้ว่าสารสกัดชนิดนี้มีแนวโน้มช่วยรักษาเชื้อราที่เล็บได้ แต่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจาก TEA TREE OIL 100 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารชนิดอื่นด้วย อาจทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาเชื้อราที่เล็บลดลง
นอกจากคุณสมบัติในการรักษาผิวหนังอักเสบ TEA TREE OIL อาจมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลติดเชื้อหรืออาจช่วยเร่งการสมานแผลได้ โดยมีงานวิจัยหนึ่งศึกษาประสิทธิภาพของ TEA TREE OIL ในการสมานแผลที่ติดเชื้อแบคทีเรียสแตฟิโลค็อกคัสออเรียส ซึ่งเปรียบเทียบระยะเวลาที่ร่างกายใช้ในการสมานแผลของอาสาสมัครที่มีแผลติดเชื้อแบคทีเรีย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่รักษาแผลตามวิธีการรักษาแบบมาตรฐาน กับกลุ่มที่รักษาแผลตามวิธีมาตรฐานร่วมกับการใช้ TEA TREE OIL พบว่าเมื่อใช้ TEA TREE OIL ร่วมด้วยอาจช่วยให้แผลสมานกันเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม การวิจัยเพื่อศึกษาคุณสมบัติของ TEA TREE OIL ในด้านนี้เป็นเพียงการทดลองกับกลุ่มคนจำนวนน้อย จึงจำเป็นต้องมีการค้นคว้าในกลุ่มทดลองขนาดใหญ่ต่อไป เพื่อยืนยันว่าสารสกัดชนิดนี้ช่วยเร่งการสมานแผลติดเชื้อได้จริง
ผลข้างเคียงของ TEA TREE OIL
โดยปกติ TEA TREE OIL นั้นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ผู้บริโภคบางรายอาจเผชิญกับผลข้างเคียงบางประการ ได้แก่
ผิวหนังอักเสบ หรือเกิดการระคายเคือง
ผิวแดง รู้สึกเจ็บ แสบร้อน หรือมีอาการคัน
ผิวลอกหรือผิวแห้ง
นอกจากนั้น TEA TREE OIL เป็นสารสกัดสำหรับใช้ภายนอกเท่านั้น หากรับประทานเข้าไปอาจเป็นพิษต่อร่างกาย โดยผู้ที่รับประทาน TEA TREE OIL อาจเกิดอาการมึนงง เดินเซ หรือมีสติสัมปชัญญะลดลง ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์ทันที
หลักการใช้ TEA TREE OIL
ผู้บริโภคควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ TEA TREE OIL
ผู้ป่วยโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังไม่ควรใช้สารสกัดชนิดนี้
ห้ามรับประทานสารสกัดชนิดนี้โดยเด็ดขาด
เมื่อใช้เสร็จแล้ว ควรปิดฝาให้แน่นและเก็บบรรจุภัณฑ์ให้พ้นมือเด็ก
ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรผสม TEA TREE OIL กับน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งก่อนนำมาทาผิว
ก่อนเริ่มใช้ TEA TREE OIL ครั้งแรก ควรทดสอบอาการแพ้โดยทาผลิตภัณฑ์ลงบนผิวแล้วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากเกิดผื่นแดงหรือมีอาการคัน แสดงว่าร่างกายแพ้สารสกัดชนิดนี้
เด็กผู้ชายที่ยังไม่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ TEA TREE OIL คู่กับสารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อระดับฮอร์โมนเอสโทรเจนในร่างกาย และอาจก่อให้เกิดภาวะนมโตในผู้ชาย (Gynecomastia)
ไม่ควรใช้สารสกัดชนิดนี้กับสัตว์เลี้ยง เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จังหวัดอุบลราชธานี รักษาสิว ทุกชนิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ทรีทเม้นท์ ไอพีแอล เลเซอร์ คิดถึงเรา โทร 061-550-9396 LINE ID: @629inyrd
Share to Social Networks
บริการเว็บไซต์โดย 8columns.com